ประวัติความเป็นมาของศาสนาและผู้ก่อตั้งศาสนา
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เกิดขึ้นในทวีปเอเชีย และเผยแพร่อย่างรุ่งโรจน์ในโลกตะวันตก ประวัติศาสตร์ของศาสนามีความยาวนานสืบทอดมาแต่ศาสนายิว แต่ก็ได้รับการต่อต้านจากศาสนายิวในช่วงของการเผยแพร่ศาสนา คือ ในสมัยที่พระเยซูออกสั่งสอนประชาชน อย่างไรก็ตามศาสนาคริสต์ยังคงยืนหยัดต่อสู่กระแสต้านของสังคมตะวันตกในสมัยนั้นมาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะ นักเผยแพร่ศาสนาคริสต์มีจิตใจศรัทธาพระเจ้าอย่างเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความ เสียสละ จึงประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้พวกตะวันตกในสมัยต่อมาได้เข้าสู่กระแสศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า
ประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์มีความสัมพันธ์กับศาสนายิวอย่างใกล้ชิด จนเป็นที่ยอมรับกันว่าทั้งสองศาสนานี้มีลักษณะเป็นศาสนาแห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เป็นผู้กำหนด แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่พระเจ้าได้เข้ามาเกี่ยวข้องและกำหนดมรรคาแห่งชีวิตที่ทุกคนจะต้องดำเนินไปอย่างถูกต้อง บุคคลในประวัติศาสตร์ของทั้งสองศาสนานี้ อาทิเช่น อับราฮัม (Abraham) โยเซฟ (Joseph) โมเสส (Moses) และกษัตริย์โซโลมอน (Solomon) ฯลฯ ล้วนเป็นศาสดาที่พระเจ้าได้ทรงกำหนดให้เป็นไปตามแผนที่พระองค์ได้วางไว้เพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ให้ถึงความรอด (Salvation) คัมภีร์ไบเบิลทั้งสองภาค พันธสัญญาจึงเป็นคัมภีร์ที่มีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะในด้านประวัติศาสตร์ของทั้งสองศาสนา
ประวัติศาสตร์ศาสนายูดายของพวกยิว ทำให้เราเห็นว่า พวกเขามีความผูกพันกับ พระเจ้ามาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าตนเองเป็นชาติที่พระเจ้าได้เลือกให้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต พระองค์ได้สัญญากับพวกเขา ที่จะให้ดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม พวกเขาจึงเดินทางเร่ร่อนเพื่อจะหาดินแดนที่พระเจ้าได้สัญญาไว้นี้ ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานในการเดินทางของพวกยิว พวกเขาต้องประสพกับความทุกข์ยาก การกดขี่ และภัยจากสงครามของชนชาติ มหาอำนาจ ทำให้พวกเขาต่างรอคอยพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าจะส่งมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นทุกข์ และเป็นผู้ที่จะนำสันติสุขที่แท้จริงมาสู่พวกเขา
ศาสดาประกาศกหลายท่านได้ทำนายเกี่ยวกับการมาของ พระเมสสิยาห์ ยิ่งทำให้ชาวยิวมีความหวังมากขึ้น แม้ในปัจจุบันนี้ชาวยิวในศาสนายูดายยังคง รอคอยอยู่ แต่สำหรับชาวคริสต์พระเมสสิยาห์ คือ พระเยซูคริสต์ (Jesus Christ) บังเกิดขึ้นมาในตำบลเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อเบธเลเฮม(Bethlehem)ในแคว้นยูดาห์ ตรงกับปีพุทธศักราช 543วันที่บังเกิดขึ้นไม่มีการบันทึกแน่นอน แต่ศาสนจักรได้กำหนดเอาวันที่ 25 ธันวาคม ของ(คาทอลิก) ของออร์โธด็อกซ์ กำนดเอาวันที่ 7 มกราคม ของทุกปี เป็นวันเริ่มคริสตศักราชที่ 1 มารดามีนามว่า มารีอา (Maria) ชาวคริสต์เชื่อกันว่า นางมารีอานั้นตั้งครรภ์ไม่เหมือนสตรีอื่น เพราะเป็นการตั้งครรภ์โดยอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพระเยซูจึงเป็นบุตรของพระเจ้า ส่วนโยเซฟ (Joseph) นั้นเป็น บิดาเลี้ยงที่มีสายเลือดสืบมาแต่กษัตริย์ดาวิด
พระเยซูในวัยเด็กนั้นมีจิตใจที่ใฝ่ในธรรม มีความชอบใจที่จะพูดถึงเรื่องธรรมกับ นักศาสนา ครั้นมีอายุได้ 30 ปี จึงรับบัพติศมา (Baptism) หรือการรับศีลล้างบาปจากยอห์น (John) ซึ่งเป็น ศาสดานักบุญในสมัยนั้น การรับศีลล้างบาปนี้กระทำที่แม่น้ำจอร์แดน ต่อมาพิธีนี้ได้กลายเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ ของชาวคริสต์ทุกคนที่จะต้องกระทำเพื่อประกาศตนเป็นคริสต์ศาสนิกชน
หลังจากนั้นพระเยซูได้ออกเทศนาทั่วประเทศเพื่อประกาศ “ข่าวประเสริฐ” อันเป็นหนทางแห่งความรอดพ้นจากบาปไปสู่ชีวิตนิรันดร์ การประกาศศาสนาของพระเยซูนั้นไม่ใช่เพื่อล้มล้างศาสนายูดาย แต่เป็นการปฏิรูปศาสนาเดิมให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเน้นความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ในขณะนั้นได้มีผู้สนใจคำสอนของพระเยซู แต่ส่วนมากเป็นชนชั้นชาวบ้าน ที่ยากจนและชาวประมง พระเยซูได้คัดเลือกสาวกจากบุคคลเหล่านี้ได้ทั้งหมด 12 คน
ซึ่งสาวกทั้ง 12 คนนี้ ได้ติดตามรับใช้พระเยซูอย่างใกล้ชิดเพื่อเผยแพร่ศาสนา แต่กระนั้นก็ยังมีสาวกที่มีจิตใจดื้อดึง คือ ยูดาส อิสคาริออท (Judas Iscariot) ยอมทรยศเพื่อเห็นแก่เงินสินบน ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากคำสอนของพระเยซูมีส่วนทำให้ผู้นำศาสนา ยูดาย ขุนนางและคน ร่ำรวยบังเกิดความไม่พอใจ เพราะถูกตำหนิจึงโกรธแค้นคิดหาทางทำร้าย ด้วยการจับตัวไปขึ้นศาลของเจ้าเมืองชาวโรมัน โดยยูดายรับอาสาชี้ตัวพระเยซู เมื่อวันที่ผู้นำศาสนา ยูดายมาจับตัวพระเยซูไป สาวกทั้ง 11 คน ได้รีบหลบหนีทิ้งให้พระเยซูถูกจับไปลงโทษ โดยการตรึงกับไม้กางเขนพระเยซูถูกทรมานอย่างโหดร้ายทารุณจนสิ้นพระชนม์ในขณะที่มีพระชนมายุได้ 33 ปี เท่านั้น จึงใช้เวลาประกาศศาสนาเพียง 3 ปี
ศาสนาคริสต์ (Christianity)
ศาสนาคริสต์ (Christianity) ถือกำเนิดขึ้นก่อนพุทธศาสนา 543 ปี โดยมีรากฐานมาจาก ‘ศาสนาจูดาย’ ศาสนาเก่าแก่ของชาว ‘ฮิบรู’ หรือ ‘ชาวยิว’ ในปัจจุบันเป็นศาสนาที่มีประชากรนับถือมากที่สุดในโลก คาดว่ามีประชากรผู้นับถืออยู่ 2 พันล้านคนหรือคิดเป็นหนึ่งในสามของจำนวนประชากรทั้งหมดบนโลก ผู้ที่นับถือจะเรียกแทนตัวเองว่า "คริสเตียน”
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประเภท 'เอกเทวนิยม' หรือ นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว มีศาสดาประจำศาสนา คือ ‘พระเยซูคริสต์’ ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยมีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ตามความเชื่อของคริสต์ศาสนิกชนพระเยซูถือเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่ลงมาผู้ไถ่บาปแทนมนุษย์
นิกาย
ศาสนาคริสต์สามารถแบ่งแยกได้ 2 นิกายสำคัญ ได้แก่ นิกายโรมันคาทอลิก (Catholic Church) และ นิกายโปแตสแตนด์ (Protestant)
นิกายโรมันคาทอลิก มีสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นประมุข ศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่นครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี มีนักบวชเป็นตัวแทนของพระเยซูและอัครทูต เคารพนับถือพระแม่มารีย์และนักบุญอื่น ๆ
นิกายโปแตสแตนด์ เป็นนิกายที่แยกตัวมาจากนิกายโรมันคาทอลิก เกิดขึ้นจากการปฏิรูปศาสนา โดย มาร์ติน ลูเธอร์ ในนิกายนี้ให้ความสำคัญกับคพสอนของพระเจ้ามากกว่าพิธีกรรม ไม่มีการนับถือพระสันตปาปา ไม่มีนักบวช และไม่นับถือพระแม่มารีย์หรือนักบุญอื่น ๆ มีเพียง ‘ไม้กางเขน’ เป็นรูปเคารพเท่านั้น
หลักธรรมคำสอน
ใจความสำคัญของหลักคำสอนในศาสนาคริสต์ว่าด้วยแนวทางการดำเนินชีวิตให้ไปสู่หนทางที่ถูกต้อง โดยหลักธรรมสำคัญของศาสนาคริสต์ มีดังนี้
พระบัญญัติ 10 ประการ
❤ข้อที่ 1 นมัสการพระเจ้าเพียงผู้เดียว
❤ข้อที่ 2 อย่าไหว้หรือทำรูปเคารพ
❤ข้อที่ 3 อย่าเอ่ยนามพระเจ้าในเรื่องไม่สมควร
❤ข้อที่ 4 จงถือวันสะบาโต
❤ข้อที่ 5 นับถือบิดามารดา
❤ข้อที่ 6 อย่าฆ่าคน
❤ข้อที่ 7 อย่าเล่นชู้
❤ข้อที่ 8 อย่าลักขโมย
❤ข้อที่ 9 อย่าเป็นพยานเท็จให้ผู้อื่น
❤ข้อที่ 10 อย่าโลภ
หลักตรีเอกานุภาพ
❤พระบิดา คือ พระยาห์เวห์
❤พระบุตร คือ พระเยซูคริสต์
❤พระจิต คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์
พิธีกรรมสำคัญ
พิธีรับศีล 7 ประการ
พิธีศีลล้างบาป หรือ ศีลจุ่ม
พิธีศีลกำลัง
พิธีศีลอภัยบาป
พิธีศีลมหาสนิท
พิธีศีลเจิมคนไข้
พิธีศีลอนุกรม หรือ ศีลบวช
พิธีศีลสมรส